จากกรณี ออกหมายจับ นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ใน 3 ข้อหา ในคดีน้องชมพู่ ที่เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาบนเขาหินเหล็กไฟ ที่มีการฟันธงว่า เด็กเล็กขนาดน้องชมพู่ ไม่สามารถขึ้นไปเองได้อย่างแน่นอน ตามมาด้วยหลักฐานที่นำไปสู่การออกหมายจับ และขณะนี้ถูกคุมตัวเพื่อสอบสวนแล้วนั้น
รายงานข่าวจากทีมสืบสวนสอบสวนแจ้งว่า ได้มีการสรุปประเด็นสาเหตุที่นายไชย์พล ตกเป็นผู้ต้องหากระทำผิด โดยทำให้น้องชมพู่ถึงแก่ชีวิตนั้น เชื่อว่ามาจากพฤติกรรมที่เป็นคนโมโหร้าย โดยเฉพาะกับเด็ก มักเป็นคนขี้รำคาญหากเด็กร้องงอแงหรือไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งพบว่ามีกรณีตัวอย่าง เกิดกับเด็กที่อยู่ใกล้ชิดกับลุงพลรายอื่น มักถูกลุงพลดุด่าและเฆี่ยนตีบ่อยๆ
สำหรับกรณีน้องชมพู่นั้น มีข้อสันนิษฐานว่า ในวันเกิดเหตุลุงพลมาพบน้องชมพู่ที่บ้านแล้วชักชวนออกไปเที่ยวเล่น ระหว่างทางเมื่อไปถึงบริเวณป่าที่ห่างออกไปจากบ้าน 900 เมตร คาดว่าน้องชมพู่จะร้องไห้ตกใจ เนื่องจากเป็นเด็กที่กลัวป่า ทำให้ลุงพลโมโห อาจดุด่าทำร้ายน้องชมพู่อย่างพลั้งเผลอ
โดยผลการตรวจพิสูจน์ของแพทย์นิติเวช พบร่องรอยชี้ว่ามีการร้องไห้อย่างตกใจมาก และเป็นไปได้ที่จะถูกอุดปาก คาดว่าลุงพล คงใช้มือปิดปากจนเด็กแน่นิ่งไป แล้วเกิดความตกใจจึงนำร่างนั้นไปทิ้งไว้ภายในป่า สอดรับกับการที่สุนัขดมกลิ่นของตำรวจ ได้พบกลิ่นของน้องชมพู่ที่ป่าห่างจากบริเวณบ้านประมาณ 900 เมตรดังกล่าว อย่างสอดคล้องตรงกัน
ชุดสืบสวนสอบสวนเชื่อว่า ในภายหลัง ลุงพลน่าจะย้อนกลับมาบริเวณที่ทิ้งร่างเด็กเอาไว้ แต่ไม่พบเด็ก เนื่องจากน้องชมพู่ยังไม่ถึงแก่ความตาย สอดรับกับการตรวจพิสูจน์ที่พบว่า น้องชมพู่ มีรอยช้ำที่ฝ่าเท้า น่าจะเกิดจากการเดินเท้าเป็นระยะทางไกล จึงเป็นไปได้มากว่าเมื่อน้องชมพู่ฟื้นจากสลบ แล้วพยายามเดินจนหลงเข้าไปในป่า และยังมีรอยขีดข่วนตรงกับสภาพป่าบริเวณนั้นที่มีต้นไม้มีหนามจำนวนมาก รวมทั้งเด็กหลงป่าในสภาพที่ขาดน้ำขาดอาหารจนอ่อนแรง
สอดรับกับผลพิสูจน์ของนิติเวชที่ว่าเสียชีวิตเพราะขาดน้ำและอาหาร ส่วนการที่พบร่างของน้องชมพู่บนภูเหล็กไฟนั้น หลักฐานชี้ว่า น้องชมพู่ ไม่ได้เดินขึ้นไปเองอย่างแน่นอน ตำรวจเชื่อว่า เมื่อลุงพลมาพบน้องชมพู่ที่หลงอยู่ในป่าใกล้หมู่บ้าน จึงตัดสินใจนำเด็กขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ จัดวางร่างเพื่ออำพรางคดี อีกทั้งมีพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงลุงพล ตกอยู่ในบริเวณที่พบศพน้องชมพู่บนภูเหล็กไฟ ทำให้ตำรวจขมวดปมคดีนำมาสู่ข้อกล่าวหาลุงพล
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook